ทัวร์พิษณุโลก-สุโขทัย-เลย 4 วัน
ทัวร์
ระยะเวลา
4 วัน 3 คืน
สายการบิน
วันเดินทาง
18-21 ก.ย./23-26 ต.ค./20-23 พ.ย./4-7 ธ.ค./25-28 ธ.ค.2563
Hilight

เที่ยวได้ทั้งปี โชคดีตลอดไป

จุดเด่นของทัวร์นี้
  • สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถิ่นสองแคว “พระพุทธชินราช” พระคู่บ้านคู่ เมืองที่ชาวไทยเคารพศรัทธา 
  • อิ่มอร่อยกินอาหารร้านเด็ดร้านดังที่ขึ้นชื่อประจำถิ่น 
  • ภาคภูมิใจกับมรดกโลกบนผืนแผ่นดินไทย ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย  
  • ร่วมกิจกรรมชุมชนสัมผัสวิถีชาวสุโขทัย รู้แก่นวิชาพระพิมพ์กรุสุโขทัยตำนาน “พระร่วงหลังรางปืน”  ปั้นแต่งสังคโลกด้วยน้ำมือ สืบสานวัฒนธรรมไทครั่ง 
  • สูดอากาศยามเช้าเก็บเกี่ยวธรรมชาติบนยอดภู 
  • เลือกซื้อสินค้าของดีประจำถิ่น ช้อปสนุก ราคาถูก 
  • ส่องมุมถ่ายภาพอย่างมือโปร
เราเที่ยวด้วยกัน.....นะคะ

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    วันแรก กรุงเทพฯ-พิษณุโลก-สุโขทัย (B/L/D)
    • 05.00 น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ณ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศขาออก ชั้น 3  เคาน์เตอร์ 14-15 สายการบิน NOK AIR โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารให้กับท่าน
      06.30 น.    เหินฟ้าสู่ เมืองพิษณุโลก โดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD8400 DMK-PHS 0630-0735 (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)
      07.35 น.    เดินทางถึงสนามบิน เมืองพิษณุโลก มัคคุเทศก์ท้องถิ่นรอต้อนรับคณะ พร้อมนำคณะเดินทางสู่ตัวเมืองพิษณุโลก เพื่อแวะรับประทานอาหารเช้าที่ร้านอาหาร “พังกี่” ซึ่งเป็นร้านข้าวมันไก่ร้อยปี ต้นตำรับไหหลำยอดนิยมของคนพิษณุโลก เมนูเด็ดประจำร้าน คือ ข้าวมันไก่ ต้มจืดมะระผักกาดดอง เครื่องในผัดพริก < 9 KMS // 15 MIN >
      หลังอาหารเช้า นำท่านเดินทางไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ของจังหวัดพิษณุโลก ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "วัดใหญ่" ตั้งอยู่ที่ถนนพุทธบูชา ริมฝั่งแม่น้ำน่านด้านทิศตะวันออก เป็นพระอาราม
      หลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหาร เป็นสถานที่ประดิษฐาน พระพุทธชินราช พระพุทธรูปที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย อันมีคำกล่าวสรรเสริญจากรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไว้ดังนี้
      “เห็นพระพุทธลักษณะแห่งพระพุทธชินราชว่างามหาพระพุทธรูปองค์ใดเปรียบมิได้ ครั้นเมื่อสร้างวัดเบญจมบพิตรขึ้นได้พยายามหาพระพุทธรูปซึ่งจะเป็นพระประธานทั้งในกรุงแลหัวเมือง...ก็ไม่เป็นที่พอใจ จึงคิดเห็นว่าจะหาพระพุทธรูปองค์ใดให้สวยงามเสมอพระพุทธชินราชนั้นไม่มีแล้ว”
      นำท่านเดินทางโดยรถตู้ปรับอากาศต่อไปยัง จังหวัดสุโขทัย < 60 KMS // 60 MIN >
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารท้องถิ่น 
      บ่าย เดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พักเพื่อเช็คอินและพักผ่อนเปลี่ยนอิริยาบถประมาณ 45 นาที 
      พาท่านไปเยือน บ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์ เสริมประสบการณ์ สร้างการเรียนรู้พุทธศิลป์สุโขทัยในรูปแบบต่างๆ และเชิญทดลอง “พิมพ์พระ” ด้วยตัวเอง โดยปราชญ์ชาวบ้าน คุณกบและคุณแก้ม เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้เชิงประวัติศาสตร์ของพระพิมพ์กรุสุโขทัยและด้านเทคนิคในการพิมพ์พระ ดังนั้นกิจกรรมการพิมพ์พระจึงไม่เป็นเพียงแต่กระบวนการเรียนรู้มรดกวัฒนธรรมพื้นถิ่นเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการสืบต่อพระพุทธศาสนาตามโบราณคติของไทยที่นิยมทำพระพิมพ์ดินเผาอีกด้วย 
      ครั้นได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางต่อไปยัง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีพ.ศ. 2534 ภายใต้ชื่อ “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร” 
      นำท่านชม พิพิธภัณฑ์ของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯ พิพิธภัณฑ์นี้มีขนาดเล็กแต่ทันสมัยที่มีการจัดนิทรรศการวีดีทัศน์ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับราชวงศ์สุโขทัยและการสร้างบ้านแปลงเมือง รวมถึงสถานที่สำคัญๆแบบกระชับและเข้าใจง่าย ทำให้นึกย้อนอดีตไปในสมัยสุโขทัยที่มีคำกล่าวไว้ว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” เป็นเพราะเหตุใดนั่นเอง 
      แล้วเดินเท้าไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ หอพระพุทธสิริมารวิชัย สถานที่สำหรับการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ทั้งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยสมัยสุโขทัยที่เก่าแก่กว่า 700 ปี สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของสุโขทัย ชาวสุโขทัยเรียกท่านว่า “หลวงพ่องาม” หรือ “หลวงพ่อสุโขทัย” ล่าสุดได้รับการบูรณะซ่อมแซมพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2535 เพื่อถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรม ราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษา ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสีสวยสดงดงามด้วยเทคนิคการวาดแบบสมัยใหม่ที่บอกเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นพุทธประวัติ ภาพเหตุการณ์วิถีชีวิตในช่วงการปกครองของพ่อขุนรามกำแหงมหาราชที่เป็นยุคทองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในราชวงศ์พระร่วง ภาพพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินีนาถเสด็จทำนุบำรุงพระพุทธสิริมารวิชัย เป็นต้น 
      จากนั้นเดินทางต่อไปชมโบราณสถานสำคัญๆ อันได้แก่ วัดศรีชุม เป็นวัดสำคัญเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดสุโขทัย สิ่งสำคัญที่สุดคือมณฑปที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองสุโขทัย เชื่อกันว่าชื่อของพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์นี้เรียกตามที่ปรากฏในหลักศิลารึกหลักที่ 1 พระนามว่า “พระอจนะ” แปลว่า ผู้ไม่หวั่นไหว และวัดศรีชุมยังมี
      ตำนานพระพูดได้ที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งยกทัพมาตีหัวเมืองฝ่ายเหนืออีกด้วย ทั้งยังมีภาพจารลายเส้นบนแผ่นศิลา เล่าเรื่องชาดกภายในอุโมงค์วัดศรีชุมที่เก่าแก่กว่า 700 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในงานจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย ดังนั้น ใครก็ตามที่มาเยือนสุโขทัยต่างต้องแวะมากราบสักการะพระอจนะและถ่ายภาพสวยๆกลับไปเป็นที่ระลึกอยู่เสมอ 
      วัดมหาธาตุ เป็นวัดเก่าแก่สำคัญประจำจังหวัดสุโขทัย สร้างขึ้นจากหินศิลาแลง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเช่นเดียวกันกับวัดศรีชุม เป็นวัดค่อนข้างกว้างขวางมีกำแพงและคูน้ำล้อมรอบอยู่ ภายในบริเวณวัดมีเจดีย์กว่า 200 องค์ นอกจากจะได้ชมวัดเก่าแล้ว บริเวณวัดมหาธาตุแห่งนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของสุโขทัย
      เย็น รับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารท้องถิ่น
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ โรงแรมสุโขทัยเทรเชอร์ รีสอร์ท แอนด์สปา หรือเทียบเท่า
  • Day 2
    วันที่สอง สุโขทัย-สวรรคโลก-ศรีสัชนาลัย-เลย (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      เดินทางสู่ อำเภอสวรรคโลก < 50 KMS // 60 MIN > อดีตคือจังหวัดสวรรคโลก ก่อนถูกลดฐานะให้เป็นอำเภอในปีพ.ศ.2482 และกลายเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดสุโขทัยจนถึง
      ปัจจุบัน สวรรคโลกเป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองอันเห็นได้จากระบบคมนาคมการขนส่งทางรถไฟของที่นี่ คือ สถานีรถไฟสวรรคโลก ซึ่งเปิดให้ใช้งานในปีพ.ศ.2453 เป็นต้นมา เชิญท่านมาสัมผัสชีวิตวิถีใหม่แนวสโลว์ไลฟ์ที่สวรรคโลก พาเดินเล่นบริเวณย่านชุมชนเก่าชาวจีน ที่มีกลิ่นอายของชุมชนเก่าผสานเสน่ห์ใหม่ของ สตรีทอาร์ต ใจกลางเมืองสวรรคโลก เป็นภาพวาดผนังตามบ้านเรือนในย่านชุมชนเก่าที่ถูกสร้างสรรค์
      โดยศิลปินสตรีทอาร์ตชั้นนำทั้งชาวไทยและต่างชาติ แวะพักจิบชากาแฟโบราณที่ ร้านไฮ้กาแฟ เป็นร้านกาแฟเก่าแก่คู่ชุมชนเก่าเมืองสวรรคโลกด้วยราคามิตรภาพจับต้องได้และรสชาติดีกลิ่นหอมเข้มข้น แล้วพาเดินต่อชม โรงพักสวรรคโลก เป็นเรือนไทยทรงปั้นหยายุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี
      เมื่อสมควรแก่เวลา เดินทางสู่ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เป็นมรดกโลกของไทยที่น่าภาคภูมิใจ ที่นี่เคยเป็นลูกหลวงของอาณาจักรสุโขทัยมาก่อนจึงมีโบราณสถาน มากมายที่น่าสนใจซึ่งสะท้อนให้เราเห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูของสภาพสังคมในสมัยสุโขทัยผ่านซากโบราณสถานเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี หินศิลาแลงและอิฐแดงแต่ละก้อนยังทรงคุณค่าเหนือกาลเวลาที่ล่วงเลยมายาวนานกว่า 700 ปี พร้อมฟังชุดความรู้ด้านประวัติศาสตร์ไทยเรื่องต้นกำเนิดราชวงศ์พระร่วงแห่งอาณาจักรสุโขทัยอันก่อให้เกิดความสำนึกรักและหวงแหนในแผ่นดินเกิดร่วมกัน นำท่านนั่งรถรางเพื่อชม โบราณสถานที่สำคัญและควรเที่ยวชม อาทิ วัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว วัดนางพญา และวัดสวนแก้วอุทยานใหญ่ เป็นต้น
      นำท่านไปชม วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า วัดพระปรางค์ ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ดีมีแม่น้ำยมไหลขนาบข้าง เชื่อกันว่าวัดพระปรางค์แห่งนี้เป็นศูนย์กลางของเมืองเชลียง ตั้งแต่สมัยพ่อขุนศรีนาวนำถม โดยมีปรางค์ประธานที่ก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน ด้านหน้าองค์ปรางค์มีวิหารภายในประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชัยและมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางลีลาที่มีลักษณะงดงามยิ่ง ที่สำคัญสำหรับคนเล่นพระกรุสุโขทัยจะรู้ว่า พระร่วงหลังรางปืน ที่โด่งดังด้วยพุทธคุณถูกค้นพบที่นี่เป็นที่แรก 
      ในบริเวณใกล้เคียงกันราว 400 เมตร มี แหล่งโบราณคดีวัดชมชื่นที่น่าสนใจเพราะได้มีการขุดค้นพบหลักฐานโครงกระดูกมนุษย์จำนวน 15 โครงในรดับความลึก 7-8 เมตร กำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 9 และพบเครื่องถ้วยเชลียงจำนวนมากกำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันได้รักษาสภาพของหลุมขุดค้นดังกล่าวไว้ โดยก่อสร้างอาคารคลุมหลุมทั้งหมดและเปิดให้เข้าชมในลักษณะพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารท้องถิ่น 
      บ่าย เดินทางสู่ แหล่งเตาสังคโลกบ้านเกาะน้อย นำท่านชม กลุ่มเตาทุเรียงหมายเลข42 เป็นแหล่งโบราณคดีที่ทำให้ทราบถึงพัฒนาการของเตาเผาและผลิตภัณฑ์เครื่องสังคโลกที่ถูกผลิตในเมืองศรีสัชนาลัย โดยที่นี่ได้มีการขุดค้นพบเตาเผาสังคโลกที่ทับซ้อนกันอยู่ถึง 19 เตาใต้พื้นดิน รู้หรือไม่ว่าอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสังคโลกแห่งศรีสัชนาลัยเริ่มในสมัยสุโขทัย แต่ได้รับการส่งเสริมให้เป็นสินค้าส่งออกและขยายการผลิตมากยิ่งขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยถูกส่งไปขายที่ประเทศญี่ปุ่น อินโดนีเซียฟิลิปปินส์ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-21 อุตสาหกรรมการผลิตและการค้านี้ได้สิ้นสุดลงราวพุทธศตวรรษที่ 22
      พาท่านไปเยือน ย่านสังคโลก แวะเลือกชมเลือกช้อปสินค้าเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องสังคโลกเคลือบสีเขียวไข่กา (เซลาดอน) ที่เป็นสินค้าโอท๊อปคุณภาพดีและราคาย่อมเยา
      นำเดินทางต่อสู่ หมู่บ้านวัฒนธรรมไทครั่ง ร่วมเรียนรู้วิถีชีวิตและประวัติความเป็นมาของชาวไทครั่ง ณ บ้านเกาะน้อย ตำบลหนองอ้อ พร้อมชมความงามของผ้าทอไทครั่งที่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมบนผืนผ้าอันควรค่าแก่การอนุรักษ์ เนื่องจากช่างทอผ้าผู้มีความรู้มีอายุมากขึ้นส่วนลูกหลานที่ได้รับการสืบทอดกลับมีจำนวนน้อยลง จึงสุ่มเสี่ยงต่อการสูญหายของมรดกภูมิปัญญาทางด้านสิ่งทอแขนงนี้ เชิญท่านร่วมกิจกรรมทำ ดอกทานตะเวน หรือที่เรียกว่า ดอกทานตะวัน นั่นเอง ชาวไทครั่งจะใช้ดอกทานตะเวนประดับในประเพณีแห่ธงของชาวไทครั่งที่จัดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี สีสันของดอกทานตะเวนแต่ละสีล้วนมีความหมายแฝงอยู่ด้วยซึ่งปกติจะมีสีหลักอยู่ 5 สีและสีที่เหลือเป็นบริวาร ซึ่งสีหลัก 5 สีก็มีความหมายดังนี้
      สีแดง หมายถึง ความมั่งคั่ง มั่งมี มาจากสีของครั่ง สัญลักษณ์แห่งสุขภาพ ความโชคดี
      สีขาว หมายถึง ความอยู่เย็นเป็นสุข ร่มเย็น สงบ 
      สีดำ หมายถึง ความเข้มแข็งอดทน แข็งแรงมีพลังอำนาจ มีวาสนาผู้คนนับหน้าถือตา
      สีเขียว หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง ความมีชีวิตชีวา เพิ่มพูนความฉลาดและกล้าหาญ 
      สีเหลือง หมายถึง ความสมบูรณ์พูนผลเหมือนรวงข้าวสีทอง ความสว่างไสวในชีวิต
      อำลาศรีสัชนาลัย เดินทางสู่ อ.ด่านซ้าย จังหวัดเลย < 210 KMS // 3 HR 30 MIN >
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารท้องถิ่น
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ ภูนาคำ รีสอร์ท
  • Day 3
    วันที่สาม ด่านซ้าย-ภูอีเลิศ UNSEEN @ LOEI-ชุมชนกกสะทอน (B/L/D)
    • เช้าตรู่ นำท่านไปขึ้นชม ภูอีเลิศ สถานที่ท่องเที่ยวใหม่แบบอันซีนของอำเภอด่านซ้าย โดยนั่งรถอีแต๊กขึ้นสู่ยอดภูเพื่อรับแสงอรุณวันใหม่ สัมผัสกับทะเลหมอกสองแผ่นดินไทย-ลาว สุดเลิศสมชื่อภู ธรรมชาติของป่าชุมชนที่นี่ยังคงอุดมสมบูรณ์เขียวชอุ่มตามระบบนิเวศน์ 
      เชิญท่านรับฟังตำนานเรื่องเล่าพื้นบ้านของภูอีเลิศ อันกล่าวถึงคู่รักที่ไม่สมหวังในความรัก เรื่องมีอยู่ว่า หญิงลาวชื่อว่า “อีเลิศ” และชายหนุ่มชื่อ “บักเกิด” ทั้งคู่ได้ตกหลุมรักกัน โดยเธอผู้ยึดมั่นในรักจึงได้นัดแนะให้มาเจอกันและรอคอยอยู่นาน ทว่าชายหนุ่มก็มารออีกหน้าผา เธอจึงคิดว่าบักเกิดไม่มา เธอจึงพิสูจน์ความรักด้วยการกระโดดหน้าผาเหนือแม่น้ำเหืองแล้วสิ้นใจลง เมื่อบักเกิดรู้ว่าเธอตาย เขาจึงกระโดดหน้าผาตายตามอีเลิศไป จนกลายเป็นผาคู่ ชื่อ “ผาอีเลิศ” และ “ผาบักเกิด” ที่ไม่มีทางบรรจบพบเจอกันได้
      พิเศษ รับประทานอาหารเช้าเรียกน้ำย่อยในรูปแบบ Green Picnic บริเวณลานหน้าผาท่ามกลางวิวเขาสองแผ่นดิน รับอรุณวันใหม่  
      ครั้นได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางกลับมายังโรงแรมที่พัก
      แวะชม พัดน้ำ ณ บ้านนาหมูม่น เครื่องจักรไม้ที่ใช้ผันน้ำจากลำน้ำหมันซึ่งเป็นสายน้ำหลักที่ไหลผ่านชุมชนโดยไม่ใช้น้ำมันเข้าสู่พื้นที่เกษตร เป็นภูมิปัญญาของคนท้องถิ่นที่ทำมาหากินอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ในส่วนของบ้านนาหมูม่นนั้น ถือเป็นบริเวณที่เหลือพัดทดน้ำมากที่สุดในอำเภอด่านซ้าย แต่ก็เหลือเพียง 11 ตัว จากเดิมที่มีมากกว่า 50 ตัวตลอดแนวลำน้ำหมันที่ไหลผ่านหมู่บ้าน 4-5 กิโลเมตร 
      เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      เจาะลึกอำเภอด่านซ้าย เริ่มต้นนำท่านไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเลย คือ องค์พระธาตุศรีสองรัก (โดยการถวายต้นผึ้ง ซึ่งเป็นคติความเชื่อท้องถิ่นของชาวด่านซ้าย งดถวายช่วงเทศกาลเข้าพรรษาและทุกวันพุธ ห้ามใส่เสื้อสีแดง) สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2103-2106 โดยมีเหตุการณ์ครั้งสําคัญในประวัติศาสตร์ของ 2 อาณาจักรริมฝั่งโขงคือ การประกาศราชไมตรีและปักปันเขตแดนระหว่างกัน ระหว่างกรุงศรีอยุธยาและ
      กรุงศรีสัตนาคนหุต(ล้านช้าง) โดยสร้างพระธาตุศรีสองรักเป็นองค์สักขีพยานในการประกาศสัตยาบันร่วมหลั่งน้ำพิพัฒน์สัตยาต่อกันในครั้งนั้น โดยก่อสร้างในรูปแบบเจดีย์ 
      เจดีย์ศิลปะล้านช้างที่ดูเรียบง่ายและอ่อนช้อยสง่างาม
      นำท่านแวะชม วัดเนรมิตวิปัสสนา วัดนี้ตั้งอยู่สูงเด่นอยู่บนเนินเขาห่างจากพระธาตุศรีสองรักไม่มากนัก มีจุดเด่นคือ พระอุโบสถและมณฑปภายในวัดก่อสร้างด้วยศิลาแลงทั้งหลัง โดยพระอุโบสถมีขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังและมีองค์พระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธาน ภายในมณฑปศิลาแลงมีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อพระมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดและมรณภาพแล้ว มีสังขารของท่านซึ่งไม่เน่าเปื่อยให้พุทธศาสนิกชนและลูกศิษย์ได้มากราบไหว้อีกด้วย
      เดินทางสู่ ตำบลกกสะทอน บนถนนที่ลัดเลาะไปตามหุบเขา <28 KMS // 45 MIN>
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน เช็ตพิเศษ อาหารตำรับพื้นถิ่นด่านซ้าย
      บ่าย มุ่งหน้าสู่ ศูนย์เรียนรู้ขิง บ้านขิงรสนิยม ที่นี่คนเค้าพูดกันแต่เรื่องขิงๆ และวันนี้เป็นอีกวันที่จะพาคุณมาสัมผัสประสบการณ์แบบ Go Eco - Go Loei ! มาถึงที่นี่ ก็ต้องไม่พลาดที่จะมารู้จักกับเรื่องของ“ขิง”ตามวิถีคนปลูกขิงกัน ขอต้อนรับคุณด้วยน้ำ “ชาขิง” อุ่นๆ สักแก้วหนึ่ง กอปรด้วยสภาพพื้นที่และสภาพอากาศนั้นเอื้อต่อการเป็นแหล่งปลูกขิง จึงพบเห็นไร่ขิงกระจายอยู่ทั่วๆไป พาคุณเข้าไปดูไร่ขิง ไปดูให้เห็นถึงต้นของมันเลยทีเดียว ก็อย่างที่รู้กันว่าขิงเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์มาก มาย มีสรรพคุณช่วยเรื่องของท้องอืด ท้องเฟ้อ ลดไขมันคอเลสเตอรอล ชะลอความแก่และการเกิดริ้วรอย ฯลฯ ชุมชนที่นี่จึงนำขิงมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ดีๆ หลายอย่าง ร่วมกันมาลงมือทำ กิจกรรม “ขิงผง” ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่ดูเหมือนจะทำง่ายแต่ไม่ธรรมดา พาท่านเดิมชมวิถีเกษตรอินทรีย์แบบผ่อนคลายพร้อมเกล็ดความรู้ พร้อมปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งเสริมบารมีและเพิ่มพลังชีวิตให้กลับ คืนสู่ธรรมชาติ 
        เดินทางกลับสู่ เมืองด่านซ้าย บนเส้นทางจิตวิญญาณด่านซ้าย เส้นทางผ่านชม บ้านเจ้าพ่อกวน ผู้นำทางจิตวิญญาณแห่งเมืองด่านซ้าย(ฝ่ายชาย) ต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน เรียนรู้ประวัติประเพณีผีตาโขนอันเลื่องชื่อ (หนึ่งเดียวในโลก) 
      เย็น รับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ ภูนาคำ รีสอร์ท
  • Day 4
    วันที่สี่ ด่านซ้าย-ภูเรือ-กรุงเทพฯ (B/L)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      09.00 น. เก็บสัมภาระพร้อมเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม มุ่งหน้าสู่ อ.ภูเรือ แล้วแวะชม สวนลุงวุฒิ เป็นสวนพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับที่ใหญ่ในจังหวัดเลย เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของ อ.ภูเรือ ซึ่งปลูกไม้ดอกไม้ประดับหลากหลายสายพันธุ์ อาทิ กุหลาบหิน ไม้อวบน้ำซีดุมและแคตตัส เป็นต้น ทั้งยังเป็นแหล่งจำหน่ายสับปะรดสีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย
      แล้วเดินทางต่อสู่ วัดป่าห้วยลาด เดิมคือ สำนักสงฆ์ห้วยลาด ก่อตั้งขึ้นโดยหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาด ด้วยความงามวิจิตรของงานประติมากรรมภายในบริเวณวัดตกแต่งไว้อย่างสวยงามทั้งงานศิลปะและการออกแบบที่ผสมผสานกันออกมาได้อย่างลงตัว มีมุมถ่ายภาพสวยๆ คู่กับงานปั้นภายในวัด
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารท้องถิ่น ชื่อดังของอำเภอเมืองเลย
      14.00 น. เดินทางถึงสนามบินเลย เตรียมตัวเช็คอินสำหรับเที่ยวบินและโหลดกระเป๋าสัมภาระ 
      15.45 น.    เหินฟ้าสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD9709 LOE-DMK 
      1545-1655 (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)
      16.55 น. เดินทางถึงสนามบินดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ
      **************************************
Top